My Spy: The Eternal City พยัคฆ์ร้าย สปายแสบ คู่ป่วนตะลุยเมืองศักดิ์สิทธิ์ เป็นภาพยนตร์ตลกแอคชั่นสัญชาติอเมริกันที่ออกฉายในปี 2024 กำกับโดย Pete Segal ซึ่งร่วมเขียนบทภาพยนตร์กับ Jon และ Eric Hoeber อีกด้วย ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นภาคต่อของภาพยนตร์ My Spy ในปี 2020 นำแสดงโดย Dave Bautista, Chloe Coleman, Kristen Schaal และ Ken Jeong ซึ่งกลับมารับบทเดิมจากภาพยนตร์เรื่องก่อน โดยมี Flula Borg, Craig Robinson และ Anna Faris ร่วมแสดงนำในภาพยนตร์เรื่องหลัก
รีวิวหนังเข้าใหม่ และซีรี่ย์ Netflix เรื่องนี้เล่าเรื่องราวของเจเจ เจ้าหน้าที่ตำรวจซีไอเอผู้มากประสบการณ์ ได้หวนกลับมาแท็กทีมรวมมือกับคู่หูรุ่นจิ๋วของเขาอีกครั้ง ที่เป็นทั้งศิษย์และลูกเลี้ยง แต่บัดนี้ โซฟี ได้เติบใหญ่เป็นเด็กสาววัยรุ่นที่เต็มไปด้วยแพสชันใหม่ ๆ โดยพวกเขาต้องร่วมภารกิจป้องกันหายนะจากโครงการพัฒนานิวเคลียร์ที่ได้พุ่งเป้าไปยังที่นครวาติกัน ทำให้ทริปทัศนศึกษาอิตาลีของคณะร้องประสานเสียงของโรงเรียน ม.ปลาย ต้องถูกรบกวนและหยุดชะงักลงไปชั่วขณะ
และแน่นอนว่า "ปีเตอร์ ซีกัล" ยังคงกลับมารับหน้าที่ดูแลงานสร้าง ทั้งกำกับและร่วมเขียนบทหนังในภาคใหม่นี้อีกเช่นเคย พร้อมกับ "อีริช โฮลเบอร์" กับ "จอน โฮลเบอร์" พี่น้องนักเขียนบทจากภาคแรกกลับมาปลุกปั้นเนื้อเรื่องช่วยอีกครั้ง ที่น่าเสียดายกลายเป็นว่าหนังได้รับการพัฒนาไปแค่เพียงด้านเดียว นั่นคือด้านการเติบโตวัยของตัวละครหลักเท่านั้น แต่โครงสร้างของหนังกลับไม่มีอะไรสดใหม่ และเต็มไปด้วยพล็อตใส ๆ ที่เก่าและเชยสะบัด
My Spy the Eternal City ค่อนข้างทำได้ดีใช้ได้ ในแง่การปลูกฝันและเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างลูกสาววัยรุ่นและพ่อเลี้ยงที่ต้องดูแลกันเพียงลำพัง ถือว่าในจุดนี้หนังมีการเติบโตขึ้นจากหนังภาคแรก แต่ก็เพราะว่าตัวละครนำอายุมากขึ้นและโตขึ้นก็เท่านั้น พล็อตในส่วนนี้ก็เป็นไฮไลต์ที่คนดูก็เคยเห็นมาก่อนในหนังที่ออกฉายช่วง 8-9 ปีที่ผ่านมา การขอคำแนะนำการเลี้ยงลูกวัยรุ่นที่เป็นเส้นเรื่องที่ไม่มีอะไรใหม่เลย
Comments
Post a Comment